เรื่องของการเดินทางตะลอนทัวน์ในทริปนี้ มันก็เกิดจากเพื่อนกระผม นายนึงกำลังจะรับปริญญาแต่กระผมมิสะดวกอย่างแรงในวันนั้นเลยตัดสินใจว่า ไปเดินเล่นแล้วเอาของขวัญไปให้มันในวันนั้นซะเลย แต่ถ้าจะให้เปล่าก็ดูกระไรอยู่ ผมเลยคิดว่าเราน่าจะมีทริปเดินทั่วสยามมันเลย จึงเกิดเป็นทริปนี้ขึ้น
ทริปที่ว่านี้เริ่มต้นที่ CTW ครับ ผมกับเพื่อนนัดกันไว้ที่นี่ แต่บังเอิญๆๆๆๆๆๆ ผมติดหนังการ์ตูนเรื่องนึงคือ NEON GENESIS EVANGELION และสืบทราบมาว่า มีร้านหนังสือ ชื่อร้าน OH ANIME อยู่ที่นี่เลยลองไปหาดู และผมก็พบกับ....
EVANGELION ฉบับ ภาษาไทย ของสยามอิเตอร์ ที่รอคอย!!!!! (โอ้วจอร์จ มันจิ้นมว้ากกกกก) จะพลาดไปไย กระผมก็สอยมันเลยสิครับ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า บางตอนมันหมดไปแล้วนะสิ ไม่เป็นไร คราวหน้า ค่อยมาใหม่
และก่อนออกมาผมก็พบกับ
โคนัน และ ไยบะ (ตอนเด็กๆ ติดไยบะมากๆๆ) ไว้วันหลังค่อยมาจิ้ม
หลังจากที่ผมเจอเพื่อนและมอบของขวัญให้แล้ว ผมกับเพื่อนก็เลยคิดว่า จะลองไปเดินเล่นที่ตลาดสามย่านเสียหน่อย โดยตัดสินใจ จะเดินผ่านสนามกีฬา ของจุฬาฯ แต่ถามว่าทำไมต้องไปไกลขนาดนั้น เหตุผลก็คือ ตอนแรกว่าจะไปกิน MAGNUM CAFE แต่พบว่า คนเยอะมากกกกกกกกกก เลยไม่กินมันล่ะไว้เลิกเห่อค่อยไปกิน ฮาาาาา (แต่สุดท้าย ความคิดนั้นทำให้ผมปล่อยไก่ตัวเต็มๆ ยังไงก็ตามอ่านนะครับว่าปล่อยไก่ยังไง)
http://www.youtube.com/watch?v=SX6dJv5BWSk
การเดินตัดถนน ในจุฬาฯ นั้นทำให้ผมได้พบความสงบใจกลางเมืองหลวงจริงๆครับ สงบแบบที่ เมื่อผมเข้าไปผมรู้สึกถึง สถานที่แห่งนี้ว่า ยิ่งใหญ่ มีเกียรติ และที่สำคัญ ผมได้ทราบความจริงที่ผมไม่เคยรู้จริงๆนะครับว่า คณะสองคณะที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศอยู่ตรงข้ามกัน นั่นคือ นิเทศศาสตร์ และ ครุศาสตร์ครับ (คือเมื่อก่อนผมคิดว่านิเทศติดนิติศาสตร์ แล้ว ครุศาสตร์ติด MBK น่ะครับ แหะๆ ) ผมเลยแชะรูปไว้สักหน่อยว่าครั้งนึง กระผมเคยได้มาเยือน คณะที่สร้างบุคลากรระดับประเทศที่มีความสามารถ และบุคลากรเหล่า ก้ได้สร้างสิ่งดีๆให้กับประเทศครับ
คณะนิเทศศาสตร์ กับ 1ใน 5 แฟนพันธุ์แท้ Steve Jobs
(นิเทศ แปลว่า สื่อสาร มือเป็นสัญลักษณ์ว่า รัก ดังนั้นรูปนี้จึงแปลว่า ผมรักคุณ นะครับ อร้ายยยย)
คณะครุศาสตร์
คณะนี้ตอนผมเดินผ่าน ผมรู้สึกได้ถึงพลังแห่งความหวังเลยครับ
เป็นความหวังของคนที่เป็นครูที่หวังจะให้ลูกศิษย์ ของคนเป็นคนดีของสังคม
หลังจากผมเดินเที่ยวตลาดสามย่านจนหนำใจแล้วผมกับเพื่อนก็เดินผ่านมาทางเดิม มุ่งหน้าสู่ MBK ครับ แต่เป้าหมาย ไม่ใช่ MBK นะครับ แต่เป็น สถานที่ ที่อยู่ตรงข้าม นั่นคือ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือเรียกสั้นๆว่า หอศิลป์ กทม.
Cr. http://ball69.blogspot.com/2010/03/blog-post.html |
ด้วยความที่ชื่อ หอศิลป์ มีนต้องมีอะไรอาร์ตๆหน่อย ผมก็เลยเจอนี่ครับ
ภาพพิมพ์หินร่วมสมัย จากฟินแลนด์ !?!?? |
ป้ายเขียนว่า "งดแสดงกริยาไม่เหมาะสม" |
เป้าหมายของพวกผม มีขึ้นหลังจากทราบว่า มีภาพถ่ายฝีพรหัตถ์ของสมเด็จพระเทพฯ ครับ ผมกับเพื่อนจึงรีบบึ่งขึ้นชั้น 9 ทันที แต่ครับก่อนขึ้นต้องมีการฝากกระเป๋า ที่มีขนาดใหญ่กว่่า A4 นะครับ โดยจะมีที่ให้เราเก็บของเป็น ล็อกเกอร์ โดยเราต้องเอาบัตรประชาชนไปแลก กุญแจครับ แล้วจากนั้นเราก็เดินขึ้นไปโลดดดดด โดยในระหว่างทาง ก็มีนิทรรศการ เรื่องเสียงด้วยครับ เป็นยังไง ไม่บอก ลองเดินไปชมเองนะครับ
เมื่อผมมาถึงที่ชั้น 9 แล้ว ซึ่งมีนิทรรศการ "ควงกล้องท่องโลก" ผมขอไม่บรรยาย นะครับ ขอให้ทุกคนดูรูปเองดีกว่าครับ
นิทรรศการ "ควงกล้องท่องโลก"นี้จะจัดไปถึงวันที่ 3 กุภาพันธ์ เท่านั้นนะครับ
และหลังจากที่ได้ชมนิทรรศการแล้ว ก่อนเดินออกมาผมก็ประทับใจกับภาพนี้มากครับ
ผมขอเรียกว่า "บันไดทางเลื่อนสำหรับผู้พิการ" |
"ดาวดวงนี้อาจอยู่ยากขึ้นทุกวัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความฝันของฉันเลยว่ะ"ไม่ทราบชื่อศิลปิน ผมต้องอภัยมา ณที่นี้ด้วย |
และท้ายสุดก่อนเดินออกมาจริงๆๆคือภาพตรงทางเชื่อมที่เขียนว่า
"ดาวดวงนี้อาจอยู่ยากขึ้นทุกวัน แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความฝันของฉันเลยว่ะ"
ตอนแรกคิดว่า ทริปนี้จะจบลงแล้ว แต่ ยังครับ ยังก่อน ยังมีอีกที่ที่ยังไม่ได้เข้าไป เราจึงตัดสินใจ เดินทางไปยัง MAGNUM CAFE !!!!!
เมื่อเดินทางไปถึง เราพบว่า คนเยอะมากกกกกกกกกกก (มากกว่าตอนเช้าที่เรามาซะอีก -_-' )
ผมกับเพื่อนเลยคิดว่า ช่างมัน รอคนเลิกเห่อก่อนค่อยมากินก็ได้ฟร่ะะ ซึ่งในตอนนั้นเอง ก็มีพนักงาน เดินมาถามพวกผมว่า มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ (สวยนะคนนี้ หึๆ) เราก็บอกว่า อยากทาน MAGNUM แต่คิวยาวไปคงไม่ทาน พนักงานเลยบอกว่า "อ้อ คิวที่ยาวเป็นของฝั่งร้านอาหารค่ะ แต่ฝั่งของ MAGNUM ที่ลูกค้าสนใจตอนนี้คิวว่างค่ะ" นั่นเท่ากับว่า พวกผมปล่อยไก่ตั้งแต่ตอนเช้าแล้วนี่หว่า (ถ้างง กลับไปอ่านข้างบนเลยครับ) สรุปก็คือ ร้านนี้ แบ่งเป็นสองฝั่ง คือฝั่งร้านอาหาร ที่ลูกค้าต่อคิวยาวมาก กับฝั่งลูกค้าที่อยากทานแต่ MAGNUM ซึ่งคิวไม่ยาวเลยสักนิด (เหยดดดดดด) ด้วยเหตุฉะนี้ พวกผมจึงตัดสินใจลองเข้าไปขอเมนูมาครับ และก็ได้ใบนี้มา
ใบเมนู มีทั้งแบบ แนะนำ หรือผสมมั่วๆตามใจ |
นี่เป็นใบเมนูของทางฝั่ง MAGNUM ไอติมนะครับ โดยมีสองแบบ ให้เราเลือกคือ
1. แบบเป็นเมนูให้เสร็จเลย มี่ 4 รายการครับ
2. เป็นแบบที่เราเลือกเองได้ตามใจชอบครับ
โดยเมื่อเราเลือกแล้วก็ไปชำระเงิน ตรงที่เราไปขอใบเมนูนั่นแหละครับ เข้าก็จะประทับตราว่าจ่ายแล้ว ให้เราไปยื่น ที่ ช่องทำอาหาร (ตรงกลางร้านนั่นแหละครับราคา 80 บาท ถ้าเพิ่มTopping คิดรายการละ15 บาท) แล้วเขาก็จะรับใบเมนูไป แล้วฉีกตรงหัวมุม มาให้เรา จากนั้นก็รอกเรียกแล้ว ดื่มด่ำกับ ไอติม MAGNUM ได้เลย อ่าาาาาาาาาา รอ
ผมใช้เวลาไม่นาน ก็ไดรับการเรียกชื่อ โดยพวกผมได้สั่งดังนี้
เพื่อนผม สั่งเมนูสำเร็จ NIGHT & DAY แบบนี้
ตั้งใจจะถ่ายก่อนกิน ไม่ให้ถ่ายเล้ยย เลยได้ภาพนี้มาแทน -_-' |
ส่วนผมสั่งแบบตามใจ คือ
Dark Chocolate
Toppings มี Pink Heart & Brownie และ Dried Cherry
ซอสเป็น White Chocolate
แหมม น่ารักเหมือนคนสั่ง จริงๆ กร๊ากกกกกกกก |
ถ้าไม่ถูกหวยนี่ จะไม่กินเด็ดขาดล่ะครับ |
น่าทานมากกกก |
บรรยากาศภายใน ฟินจริงๆ |
ถ้าอยากด่าใครก็รูปนี้เลยครับ มือเป็น ดอกไม้นะครับ หุๆๆ (ของดีๆทำเสียหมด) |
ตรงนี้แหละครับที่เราต้องเอาใบเมนูที่ชำระเงินแล้วมายื่น |
ลีลาการทำของพนักงาน รวดเร็วมาก สวยงามครับชอบบบ ไอติมนะ |
เมนูอื่นๆก็มีให้เลือกนะครับ ไม่ใช่มีแค่ ไอติมอย่างเดียว |
ปิดท้ายแล้ว เราก็ต้องมีการถ่ายรูปร้านเป็นที่ระลึกสักหน่อยสิครับ
"ข้ามาเยือนแล้ว 555" ก็คิดมานานว่าทำไมต้องหันหน้า หันหลังกันดีกว่านะครับ |
หน้าบานนนนนน |
ขอแบบ พาโนรามา หน่อยเถอะ |
นี่แหละครับ สรุป ทริปนี้เดิน กิน เที่ยว รอบสยาม วันนี้ ทำให้รู้ว่า สยามมีอีกหลายอย่างที่ไม่ใช่แค่ ห้างๆๆๆๆ นะครับ ลองเดินออกจาห้างบ้างก็ได้ คุณจะรู้ว่าโลกมันกว้างเหลือเกินครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น