วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตลอดปีที่ผ่านมา 2555


 ตลอดปีที่ผ่านมาของผม ผมได้ทำอะไรหลายๆอย่าง ทั้งดี ไม่ดี เป็นปีแห่งการเริ่มต้น ปีแห่งการจบบางอย่าง ผมไม่รู้ว่าทำยังไง เลยเอามาเขียนบล็อกให้ทุกๆคนอ่านกกันนะครับ เผื่อจะมีประโยชน์บ้าง

 มกราคม
 แน่นอนว่าเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้น ผมก็เริ่มต้นกับการเรียนให้จริงจังมากขึ้น (ทำงานมาสองปีแล้ว ไม่ค่อยได้เรียน) ว่าง หยุด เข้ามหาวิทยาลัย ไปหาหนังสืออ่าน และแน่นอน เจอเพื่อนเก่าๆมากขึ้น
 กุมภาพันธ์
 ใครจะเชื่อว่าหน้าตาอย่างผมจะได้ออกทีวี ใช่ครับ รายการแฟนพันธุ์แท้นี่แหละครับ ในหัวข้อ Steve Jobs นั่นทำให้ผมได้พบกับคนที่ทำให้ผมเปิดโลกความคิดมากขึ้น @khajochi @buttercake @kongwiz @themacci พวกพี่ๆทั้ง 4 คน และแน่นอน ผมได้พบกับทีมงาน ทำรายการที่เยี่ยมที่สุดในเก้าโลก (ลำเอียงอ่ะ จะทำไม) พี่แบงก์ พี่ออฟ คุณปูน พีวุฒ ทุกคนคือทีมงานที่ เทพ ที่สุดครับ


 มีนาคม
 เดือนนี้ สอบครับสอบ ไม่มีอะไรมากมาย อ้อ เดือนเกิดผมด้วยแหละครับ หุๆ

เมษายน
 เดือนแห่งสงกรานต์ ที่กระผมติดอยู่ในเมืองหลวง เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่จากบ้านมาอยู่ใน กทม. ที่ผมพบว่า ถนนโล่งจริงๆ มันเป็นอย่างไร
และแน่นอน ผมได้ดูหนังที่ผมรอคอยมานานมากกกกก อย่าง THE AVENGERS


 พฤษภาคม
 เดือนนี้ ผมเริ่มที่จะกลับมาเขียนบล็อกอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เขียนมานานมาก เพราะเห็น @khajochi เขียนบล็อกมาเรื่อยๆ เลยมีไอดอลไว้เป็นแรงผลักดัน คริๆ

มิถุนายน
เดือนนี้ เงียบเหงาสุดๆ เพราะผมไม่ได้ทำอารายเลยยยย แต่ปลายเดือนนี่สิ แซดสุดๆ
คือผมได้รับประทานแห้วครับ เพราะสาวที่ผมแอบชอบมานานนนน เขามีแฟนสิครับ คริๆๆ เศร้า


        

กรกฎาคม 
 เดือนแห่งการทำใจ 
อ้อ เดือนเกิดแม่ผมด้วยนะ

สิงหาคม
 เดือนนี้ไปสอบตำรวจ ไม่ติดครับ คริๆๆๆ

กันยายน
 เดือนนี้ โคตรสงบ

ตุลาคม
 เดือนแห่งการสอบที่รามคำแหง เหยด โหด โค๊กๆๆๆๆ แถมมีการอัดเทป แฟนพันธุ์แท้แห่งปีด้วย แอบไปเชียร์ พี่สุนาถ Steve Jobs อิๆๆ

พฤศจิกายน
 เดือนแห่งความโกลาหลในชีวิต ผมเริ่มทำใจได้กับการกินแห้ว และเริ่มต้นเดินต่อไป ถึงแม้จะไม่มีเขาแล้วก็ตาม

 ธันวาคม
 เดือนสุดท้ายของปี ที่ขอให้เรื่องแย่ๆผ่านไป เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ในชีวิตนะค้าบบบบ





วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555


จัดเต็ม ระดมพลตัวอย่างใหม่ที่จะฉายในปีหน้า
( อัพเดต 13 ธันวาคม 2555 )

 และแล้ว ทางฮอลลีวู้ดก็จัดเต็มให้ชาวโลกได้เห็นแล้วว่าพวกเขาพร้อมเต็มที่กับ หนังใหม่ที่จะฉายในปีหน้า ซึ่งผมก็มองเห็นแล้วว่าปีหน้าหมดตูดแน่ วันนี้เลยขอรวมหนังที่กระผมยืนยันว่าต้องไปเบิ่งแน่ๆ 10 เรื่อง อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรก็ไปดูกันเลยครับ

ปล.อันนี้ไม่เรียงตามความชอบนะครับ เรียงมั่วนั่นแหละ

1 IRON MAN 3

 หลังจากรวมพลังปกป้องโลก ชนิดถล่มตาราง BOX OFFICE ไปทั่วโลกเมื่อกลางปี โทนี่ สตาร์ก ก็กลับมามีหนังฉายเดี่ยวอีกครั้งใน ภาคนี้ ซึ่งมาพร้อมกับ ผู้กำกับใหม่ เชน แบล็ก (KISS KISS BANG BANG) พร้อมกับเนื้อหาที่ ประธาน MARVEL บอกว่า ไม่ดาร์ก!!!! (แล้วตัวอย่างหนังมันแปลว่าอะไรฟร่ะ???) โดยในภาคนี้ โทนี่ต้องปะทะกับวายร้ายหน้าใหม่ นาม แมนดาริน เจ้าของผลงาน จับตัวโทนี่ในภาคแรก และอาจมีเอี่ยวในการช่วย แวนโก๊ะ ในภาค 2 รับบทโดย นักแสดงมากฝีมือ เบน คิงส์ลี่ 
  โดยจุดเด่นในภาคนี้ก็คือ ชุดเกราะ MARK 47 ซึ่งหมายความว่าเราจะต้องพบกับฉากชุดเกราะกว่า 40 ชุด รอชมได้ พฤษภาคม 2556



2 MAN OF STEEL
 ยังจำได้ไหม จำได้หรือเปล่า ครั้งสุดท้ายที่เราชม ยอดคนจากดาว คริปตันก็เมื่อปี 2006 มาปีหน้า ยอดคนจะกลับมาอีกครั้ง ใน MAN OF STEEL ผลงานรีบู๊ตจากผู้กำกับสุดแนว แซค สไนเดอร์ จาก 300 ' WATCHMAEN ' SUCKER PUNCH หากนี่ยังไม่หนำใจพอ งั้นเอาคนนี้ไปด้วยเลย กับ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่มา โปรดิวเซอร์ให้ อ่ะถ้าไม่พอ ปิดท้ายให้กับคนเขียนบท เดวิด เอส โกเยอร์ คนเขียนบทจาก THE DARK KNIGHT แค่นี้พอไหมครับ แถมให้กับแนวคิดในการทำหนังภาคนี้ ว่า "เราจะทำโลกสมจริงมากขึ้นด้วยความคิดที่ว่า ถ้าเขา SUPERMAN มีจริง พวกเราจะรู้สึกอย่างไร" สำหรับผม แค่ คริส โนแลน ผมก็ฟินแล้ว


3 G.I.JOE : RETILIATION
 หลังจากเลื่อนฉายไปนานแสนนาน ในที่สุด ทีมมหากาฬทีมนี้ก็ได้กลับมาลงโรงอีกครั้ง แน่นอนว่าเนื้อหาไม่มีอะไรมาก แต่ส่วนตัวก็อยากดูอยู่ดีง่ะ


4 PACIFIC RIM
หนังสุดแนวที่เนื้อหามาจาก มังงะญี่ปุ่นแน่ๆ เนื้อหาคือเมื่อ สัตว์ประหลาด "ไคจู"ตื่นจากมหาสมุทร หลายประเทศทั่วโลกจึงรวมพลังสร้างหุ่นยักษ์มาต่อสู้ โดยควบคุมจาก คนสองคนในตัวหุ่น (เหมือน EVANGELION GUMDAM เลยอ่ะ) แต่หุ่นรุ่นใหม่ไม่อาจสู้กับสัตว์ร้ายได้เลย จึงต้องปัดฝุ่นหุ่นรบสุดเก่า นาม "เจเกอร์"มาตะลุยเตะสัตว์ร้ายให้เลิกร้อนวิชา แค่เนื้อหาก็คงคิดว่า แม่ง ลอกญี่ปุ่นแน่ๆ คำตอบคือ ใช่ครับ เพราะ ผู้กำกับ กิลเลอโม เดล โตโร (ฺBLADE 2 ' HELLBOY ทั้งสองภาค)สร้างเพื่อคารวะหนังแนวนี้นั่นเองครับ หลังจากพี่แกอกหักจาก THE HOBBIT โดยตัวอย่างที่เราได้ดูจะเห็นเลยว่า หุ่นมีหลายตัวจริงๆ และด้วยวิสัยทัศน์สุดเจ๋ง คงทำให้มั่นใจว่าหนังจะไม่ออกทะเลตามชื่อแน่ๆ
ปล. ชื่อเรื่อง น่าจะมาจาก การฝึกยุทธนาวี RIMPAC ซึ่งเป็นการฝึกยุทนาวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ใครอยากรู้เพิ่มเติม ก็หาดูใน หนังเรื่อง BATTLESHIP ครับมีเอี่ยวนิดนึง


5 WORLD WAR Z
 แบรด พิทธ์ + ซอมบี้ + ทุนมหาศาล = WORLD WAR Z นิยามที่หลายคนให้ข้อมูลเอาไว้
ซึ่งแน่นอนเพราะตัวอย่างที่ปล่อยออกมาก็งงกันไปเพราะ ซอมบี้มาเป็นคลื่นเลยที่เดียวเชียว โดยผู้กำกับ มาร์ก ฟอสเตอร์ (QUANTUM OF SOLACE) ก็บอกว่าจัดเต็มจริงๆ ด้วยทุนสร้างแบบไม่เกรงใจนรก


6 WARM BODIES
 หลังจากจบ twilight แล้ว มันจะมีอะไรได้อีกไหมขอบอกครับว่า มี! และมันไม่ธรรมดาเพราะคราวนี้จะเป็น ซอมบี้ เอาเข้าไป มันจะไหวไหม ผมก็คิดแบบนั้นในตอนแรกแต่เมื่อชมตัวอย่างแล้วขอบอกว่า แม่งเจ๋งว่ะ คิดได้ไง


7 AFTER EARTH
 หลังจากพาเราไปสู่โลกแห่งอวตารสี่ธาตุ (ผมหลับเกือบตลอด) ปีหน้า มาโนช จะกลับมาอีกครั้ง แต่เรามีเหตุผลอะไรที่ไปดูล่ะ ก็เพราะ นี่จะเป็นอีกครั้งที่พ่อ-ลูก ตระกูล สมิธ จะมาขึ้นจอร่วมกันอีกครั้งไงล่ะ เหยดดด
 เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ สองพ่อลูกเดินทางสำรวจอวกาศตกลงมายังดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง (ว่ากันว่าเป็นโลก) พวกเขาต้องหาทางติดต่อทีมช่วยเหลือ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป


8 OBLIVION
 หากยังไม่เมื่อกับเรื่องโลกอนาคต เราขอให้ท่านมาพบกับ ทอมครูซ ในเรื่องนี้ พล็อตเหมือนข้างบนเป๊ะ แต่ที่เจ๋งคือนี่เป็นผลงานเรื่องล่าสุดจาก ผู้กำกับ TRON:LEGACY นาม โจเซฟ โคซินสกี้


9 STAR TREK : INTO DARKNESS
สั้นๆ เพราะมันกำกับโดย เจเจ มอลด์........โอเค เจเจ เอบรามส์


10 THE WOLVERINE
 แหมหลังจากภาคก่อน มึนตื้บ มาภาคนี้ก็อยากดูอยู่ดีแหละครับ

แน่นอนว่าหนังในปีหน้ามันมีเยอะกว่านี้ และกระเป๋าของเราคงไม่พอที่จะไปดูหมด อย่างไรเสียก็อย่าไปซื้อของปลอมเลยนะครับ อุดหนุนแผ่นแท้ก็ไดถ้าเรายังไม่มีเงินไปดูโรงนะครับ


วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วันนี้ ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ผมเสียใจ ที่คนที่ผมแอบรักมีแฟน แค่นั้นแหละครับ


เพลงนี้ก็ขอมอบให้กับน้องเขานะครับ ผมจะรักน้องเขา วันนี้ และตลอดไป

พี่ยศ

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


BATMAN 
เรื่อง แบทๆ ของป๋า คริส โนแลน 
 ตอนที่1 BATMAN BEGINS ความกลัว


   ( บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ของผม รวมกับ ข้อมูลที่ได้มาจากหลายๆที่ หากผิดพลาด ตกหล่น ไม่ชอบ ก็ ขออภัยด้วยนะครับ )



  หากจะกล่าวถึง Superhero ที่คนชื่นชอบและทำเป็นหนัง หนึ่งในนั้นคงเป็น บุรุษ ผู้ได้รับฉายา " อัศวินรัตติกาล " หรือ " BATMAN " นั่นเอง และยิ่งเป็น หนังที่กำกับโดย ผู้กำกับที่ผมขอบอกได้เลยว่า " ไม่เคยทำหนังห่วย " อย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน แล้ว แบทแมนก็มีแง่มุม ให้เรากล่าวถึง มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้อง อ่านการ์ตูนมาก่อนเลยด้วยซ้ำ


 นับตั้งแต่ความล้มเหลว แบบมหาศาล จาก BATMAN & ROBIN ( ทุนสร้าง 125 ล้าน ได้แค่.... ลืมไปแล้ว ) ทางวอเนอร์ก็เลยฉะงัก การสร้าง BATMAN BEYOND ออกไปทันที หลังจากนั้นก็ เป็นเวลากว่า 8ปี ที่อัศวินรัตติกาล จะกลับมา ซึ่งในช่วงนั้น ก็มีทั้ง ผู้กำกับ นักแสดง คนเขียนบท ผ่านไปมากหน้าหลายตา จนมาถึง คริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งมีผลงาน มาไม่กี่เรื่อง ( MEMENTO ที่ผมดูไปสองรอบกว่าจะเข้าใจ ) ซึ่งเขาได้ปลุกตำนาน BATMAN ให้กลับมาอีกครั้ง ใน BATMAN BEGINS













BATMAN BEGINS

    BATMAN BEGINS : การกลับมาของ แบทแมนที่ ถือว่าเป็นการ REBOOT ใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง พร้อมเปิดแนวทางใหม่ของหนัง ตระกูลแบทแมน อีกต่างหาก ( ไม่เชื่อไปดู ภาคก่อนหน้าดิ ถ้าไม่ดาร์กไป ก็ออกแนว...นั่นแหละ ) ที่เน้นความจริงจังมากขึ้น จนผมได้อ่านคำวิจารณ์ที่แปลกที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาคือ หนังเรืื่องนี้มีข้อเสียอย่างเดียวคือ ความจริงจังที่มีมากเกินไป

   เรื่องราวของหนัง เริ่มต้น ตอนที่พระเอก ของเราไปเป็นนักโทษในบ้านนอกแถวๆจีน (มั้ง?) หาเรื่องเตะต่อยกับกุ๋ยแถวนั้นไปวันๆเพื่อศึกษาจิตใจของเหล่าอาชญากร จนกระทั่ง HENRI DUCARD ( เลียม นีสัน ) ชักชวนพระเอกเข้ากลุ่ม  พันธมิตรแห่งเงา เพื่อกวาดล้างพวกคนเลว บรูซ เวนซ์ เลยเข้ากลุ่มกับเขาซะหน่อย ก่อนจะตีกันตาย เพราะ พระเอกไม่เห็นด้วยกับ แนวทางของกลุ่มนี้ ที่เอะก็ว่ารัก เอะอะก็คิดถึง.....ไม่ใช่แล้ว เอะอะก็จะฆ่าอาชญากร ซึ่งบรูซ ไม่เห็นด้วย ลงท้ายก็เลย ถล่มรังของ คณะพันธมิตรซะราบคาบ แถมยังทำให้  Ra's AL GRUL ( เคน วาตานาเบ้ ) ผู้นำของกลุ่มไปเฝ้า เง็กเซียน อีกต่างหาก 
  หลังจากที่ บรูซ ได้ติดต่อ กับ อัลเฟรด  ( ไมเคิล เคน ) เพื่อกลับไปยัง ก็อตแธม บ้านของเขา ในช่วงนี้ บรูซ ก็เล่าถึงสิ่งที่เข้าจะทำเมื่อกลับไปยัง ก็อตแธม ว่าเขาจะทำอะไร...สัญลักษณ์ ที่จะเป็นตัวแทนของเขา.

  เนื้อเรื่องในช่วงครึ่งแรก เล่าถึงสาเหตุที่เขาต้องเสียพี่อแม่ไป และเหตุการณ์ในช่วงชีวิตของบรูซ ที่ทำให้เขาต้องไปติดแหง็ก อยู่ในคุกบ้านนอกของจีน พร้อมๆกับการฝึกที่กลุ่มพันธมิตรแห่งเงาฝึกให้กับพระเอก และเหตุผลที่บรูซตัดสินใจกลับไปยังบ้านเกิดของเขาเพื่อสะสางเรื่องราวต่างๆ 
  ส่วนช่วงกลางเรื่องเล่าถึง " กว่าจะเป็น BATMAN " ได้อย่างน่าสนุก ตั้งแต่ชุดเกราะ ไปจนถึง BATMOBILE ซึ่งแสดงอย่างมีที่มาที่ไป อย่างมีเหตุผล ว่ามาจากไหน และจะเป็นอะไรต่อไป ด้วยความช่วยเหลือของ Lucius Fox ( มอร์แกน ฟรีแมน ) ซึ่งเคยเป็น เพื่อนและผู้ช่วยพ่อของบรูซมาก่อน 



BATMOBILE ภาคนี้เกรียวกราวสุดๆเพราะ ได้ส่วนผสมระหว่าง รถ ฮัมวี่ กับ Lamborghini


  หากจะกล่าวว่า ภาคนี้เล่นกับประเด็นอะไรก็คงจะเป็น " ความกลัว " ความกลัวของชาวเมืองที่หมดศรัทธา ความกลัวของบรูซต่อค้างคาว ( ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ บรูซ ตัดสินใจใช้ค้างคาวเป็นสัญลักษณ์ เพราะเขาต้องการให้เหล่าอาชญากรกลัวเขา )
ความกลัว ภายในจิตใจของเราเองต่อเหตุการณ์ต่างที่นำไปใช้สู่จุด ไคลแมกซ์ ของเรื่องที่เปิดเผยทุกอย่าง

  ในช่วงสุดท้าย เราได้รู้ความจริงว่า ราซ อัล กูล เป็นเพียงชื่อ ( ตำแหน่ง หรือ สัญลักษณ์ หรือการพรางตัว??? แล้วแต่จะคิดกันเน้อ )
และกลุ่มพันธมิตรของเขา มีแผนจะทำลายล้าง ก็อตแธมให้ราบคาบ ด้วยการปล่อยสารพิษให้คนเกิดอาการประสาทหลอนไปทั้งเมือง

  ซึ่งบทสรุป ก็ไม่ยากเกินคาดเดา ว่าพระเอกจะปกป้องเมืองได้ไหม แต่ที่ทำให้แฟนๆ กริ๊ดจนแต๋วแตกคือการปรากฎตัวแบบนิดเดียว ของ Joker  มาแบบเป็นแค่ไพ่อีกต่างหาก ( WTF!!!!! )  แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ สาวก แบทแมน มีความหวังอีกครั้งนึง 

 โดยรวมแล้ว ภาคนี้นับเป็นการย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นของแบทแมน ได้อย่างมีสีสัน ขับเน้น ด้วยความจริงจัง แต่ก็ยังมีความเป็น การ์ตูนอยู่บ้าง ส่วนการแสดงที่น่าเสียดายที่สุด คงเป็นการแสดงของ เลียม นีสัน ที่ มันน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ แต่เอาเหอะ ในเมื่อบทมีแค่นี้ การแสดงของเขาจึงเป็นบทนึงที่ดีเลยล่ะพี่น้อง ในขณะที่นักแสดงคนอื่นๆก็ทำได้ดีในแบบที่ควรจะเป็น

 และท้ายที่สุดเราก็ได้รับรู้ว่า ไม่ว่าแบทแมนจะเก่งสักแค่ไหน เขาก็เป็นคนๆหนึ่งที่มีแผลเป็นในจิตใจเหมือนเราทุกๆคน.

( ติดตามตอนที่ 2 THE DARK KNIGHT ความโกลาหล ตอนต่อไป)





วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2555

เมื่อวันเกิด กลับมา (ทำให้นึกถึงบางคนที่จากไป)

        วันที่22มีนา ที่ผ่านมาเนี่ย ถือเป็นวันที่มีความหมายของผมวันนึงเลยเพราะ เป็นวันเกิดของผมเอง แน่นอนว่าสมัยก่อนเราก็หวังว่าจะมีใครจำได้ แต่ก็อย่างที่รู้ว่า ช่วงนี้ โรงเรียนเขามักจะปิดเทอมกัน ฉะนั้น ไอ้การที่เราเฮฮากับกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียน...หมดสิทธิ์แน่นอน ที่ทำได้เลยแค่ มีความสุข กับครอบครัว ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรเลย แต่ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมไม่ค่อยมีงานวันเกิดที่มีความสุข สักเท่าไหร่นะ ด้วยเพราะ มีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้น หรือเพราะไม่มีคนพิเศษที่จะมาคอยอวยพร แต่อย่างน้อย ก็ยังพอมี เพื่อนๆ ใน Facebook ที่ยังมีมาอวยพรให้ผมบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
        แต่ถ้าจะให้ผมเลือกว่า คำอวยพรปีไหนที่ผมจดจำได้มากที่สุด ก็คงเป็น วันเกิดอายุครับ 21 ปี เมื่อ 3ปีก่อน เพราะคนที่อวยพรให้ผมนั้น คือคุณพ่อของผมเอง ที่ผมจำได้ เพราะ นั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่ผมได้พุดคุยกับพ่อของผมเอง เพราะหลังจากนั้น ไม่กี่วัน ท่านก็ประสบอุบัติเหตุ ต้องนอนโรงพยาบาลเกือบ 1เดือน ก่อนจากไปอย่างสงบ
       วันนั้น พ่อบอกกับผมว่า "พ่อไม่พรอะไรให้ลูกหรอกนะ นอกจากขอให้ลูกเป็นคนดี และได้ทำสิ่งที่ในสิ่งที่อยากทำ พ่อ ก็มีความสุขแล้ว" ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำพูดนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ฟังจากพ่อ และตอนนั้นผมก็ไม่ได้พุดอะไรเลยนอกจาก "ขอบคุณครับพ่อ"
      ในชีวิตคนเรามีวันสำคัญ คนสำคัญที่รักเรา มากมาย แต่เราก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับพวกเขา อย่างที่ควรจะเป็น เรากลับให้ความสำคัญกับอะไรที่ มันเข้ามา แล้วผ่านไป ผมอยากให้ทุกคนลองหันกลับมามองพวกเขา ในวันที่พวกเขายังอยู่กับเรา ไม่ใช่วันที่พวกเขา ไม่ได้อยู่กับเราอีกแล้ว เพราะเมื่อถึงตอนนั้น มันคงไม่มีความหมายอะไร เพราะเขาคงไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว.


เพลงความรัก เป็นเพลงที่เมื่อผมฟังทีไร ผมก็นึกถึง พ่อของผมเสมอ เป้นเหมือนเพลงพิเศษ ของผมเลยครับ

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

การกลับมา เขียน บล็อกอีกครั้งของผม กับความรัก

 หลังจากที่ผมเคยเขียนบล็อกมาก่อน เมื่อนานมาแล้ว ผมก็รู้สึกว่า น่าจะถึงเวลาที่ผม น่าจะกลับมา ทำในสิ่งที่อยากทำ อีกสักที นั่นคิอ การเขียน บล็อกนี่แหละ
 สาเหตุที่ผมห่างหายไปจากการเขียนบล็อกนั้นก็ง่ายมาก คือ ไม่มีคนอ่าน!!!!
 เอ ว่าแต่จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ ? งั้นผมขอเริ่มจาก ตรงนี้ล่ะกันครับ มันเป็นอารมณ์ แบบ หนึ่ง
อารมณ์ที่ทุกคน รู้จักดี มันคือ "ความรัก"
 แล้ว รักอะไรล่ะ เพื่อน แฟน เรื่องราวต่างๆ อยากจะบอกว่า มันคือ การ แอบรักครับ
 เรื่องราวเริ่มต้น จาก การพบกันแบ บังเอิญ ระหว่าง ผมกับน้องเขา (สมมติ ว่า น้อง เขาชื่อ แคท นะครับ)
ผมเจอน้องเขา ครั้งแรก ที่งาน ของมหาวิทยาลัย ที่ผมกับน้องเรียนอยู่ (มหาวิทยาลัยรามคำแหง ครับ) วันนั้น ผมจำได้ดีเลย ตอนที่น้องเขา เดินขึ้นมา ผมพุดกับ เพื่อนว่า "ใครว่ะ โคตร สวยเลย!!!"(งานที่ผมเจอกับน้องเขา นั่นคือ งาน ซ้อม เพื่อประดับชั้นปี ของ นักศึกษา วิชาทหารครับ ทางมหาวิทยาลัย จัดขึ้นทุกปี) แล้วที่ผมจำน้องเขาได้แม่น เพราะว่า น้องเขาเป็นคนเดียว ที่ใส่ ชุดอ่อนมา(อ่านถึงตรงนี้ คนที่ไม่ได้เรียน รด. มาอาจจะงง อะไร ชุดอ่อน ชุด แข็ง ไว้ผมจะอธิบาย วันหลังครับ) ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆ แต่ตอนนั้น ใครที่คิดว่า ตอนนั้นผมเดิน เข้าไปหาน้องเขาทันที ขอบอกว่า ..... ผิดนะค้าบบบบบ ผมเฉยๆ กับน้องมากเลยครับ แต่ยอมรับว่า ตอนนั้นแค่รู้สึกดีกับน้องเขาเฉยๆ และก็ยังไม่ได้คุยอะไรทั้งนั้น แต่หลังจากนั้น น้องแคท ก็กลายมาเป็นคนที่ผมรัก หมดหัวใจ......